เมนู

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี ร่วม พิธีถวายสักการะและวางพานพุ่มพร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี ร่วม พิธีถวายสักการะและวางพานพุ่มพร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

จังหวัดอุดรธานี

วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๗ เวลา ๑๙.๐๐ น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี ร่วม พิธีถวายสักการะและวางพานพุ่มพร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีถวายสักการะและวางพานพุ่มพร้อมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา

โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ภาคเอกชน สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุดรธานี ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนเข้าร่วมพิธี

ในการนี้ นางรวงทอง พลธิราช วัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี นำเจ้าหน้าที่พิธีการจากกลุ่มอำนวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานที่ ๙ อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่พิธีการ และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ในสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี ร่วมในพิธีดังกล่าว โดยพร้อมเพรียงกัน

ณ หอประชุมทองใหญ่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

ชาวอุดรธานีสุดยินดี ภูพระบาท ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ผวจ. นำชาวอุดรธานี รัวกลองโห่ร้องไชโย หลัง "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" อ.บ้านผือ ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัด ต่อจาก "บ้านเชียง" 


วันที่ 27 กรกฎาคม 2567 บริเวณลานหน้าอาคารโบราณสถาน “ราชินูทิศ” พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นายณัฐพงศ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สส.อุดรธานี พรรคก้าวไกล นายโกเมนท์ ทีฆธนานนท์ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมกิจกรรมส่งกำลังใจให้ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย 

โดยงานเริ่มขึ้นตั้งแต่ 09.00 น. จัดให้มีนิทรรศการและวีดิทัศน์ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” และ “อารยธรรมบ้านเชียงมรดกโลก” จัดเวทีการแสดงดนตรี, ดนตรี-การแสดงพื้นบ้าน โดยติดตั้งจอ LED เพื่อรอสัญญาการถ่ายสด การประชุมผ่านเว็บไซต์ของมรดกโลก และกรมศิลปากร ในเวลา 11.30 น. ซึ่งการพิจารณา “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” ได้เลื่อนจากลำดับที่ 6 มาเป็นลำดับที่ 3 ท่ามกลางบรรยากาศของความห่วงใยจะเกิดพายุฝน เมื่อมีเมฆฝนเคลื่อนผ่านบริเวณจัดงาน และมีบางจังหวะมีละอองฝน และลมพัดมาเป็นระยะ     


จนถึงช่วงที่วาระการพิจารณา นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นำผู้ร่วมกิจกรรมมาหน้าจอ LED เพื่อชมบรรยากาศอย่างใกล้ชิด โดยนายวันชัย มายืนรอยู่หน้ากลองกริ่ง 2 ใบ เมื่อพิธีกรประกาศว่า ไม่มีคณะกรรมการตั้งข้อสังเกต คือสัญญาณว่า  “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว นายวันชัย ได้ใช้ไม้รัวตีกลองกริ่ง ผู้มาร่วมงานโบกธง และไชโยโห่ร้อง ขณะที่ประชาชนและนางรำ ได้ร่วมกันออกมาฟ้อนรำไปรอบๆ ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก และร่วมกันถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ในนามประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ขอขอบคุณคณะกรรมการมรดกโลก และองค์กรที่ปรึกษาอย่างยิ่ง ที่เล็งเห็นคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากล ของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และมีมติขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในวันนี้ ขอบคุณหน่วยงาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ร่วมผลักดันและส่งเสริมให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย "ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี"


“ชาวจังหวัดอุดรธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ภูพระบาทได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี การขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และรักษาสถานที่อันทรงคุณค่าแห่งนี้ ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ เป็นสมบัติอันล้ำค่า ไม่เพียงแต่ต่อคนทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเพื่อคนรุ่นหลังต่อไป ชาวจังหวัดอุดรธานีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้ต้อนรับทุกท่านในการเยี่ยมเยือนแหล่งมรดกโลก ภูพระบาทประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี จังหวัดเดียวเที่ยว 2 มรดกโลก”   


ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยด้วยว่า ยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีงานเฉลิมฉลองวันไหน จะต้องมีการหารือกับเจ้าของสถานที่ คืออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในโอกาสต่อไป ซึ่งอุดรธานีมีศักยภาพสามารถรับนักเท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาเที่ยวชมมรดกโลกทั้งสองแหล่ง หลังให้สัมภาษณ์ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก นายวันชัย ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า “มีน้ำมนต์มาประพรมให้ชาวอุดรธานี หลังจากได้รับข่าวดี”  


ด้าน นายพรพจน์ จันทร์สว่าง อายุ 61 ปี ชาว ต.บ้านขาว อ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ในฐานะเป็นคนจังหวัดอุดรธานี ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่จะมีแหล่งมรดกโลกเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง อยู่ในอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ต่อจากมรดกโลกบ้านเชียง อำเภอหนองหาน ซึ่งทางอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมานานเกิน 10 ปี โดยทางจังหวัดอุดรธานี กับทางรัฐบาล ได้มีการผลักดันแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ขอเป็นมรดกโลก


“คิดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง และอีกสถานที่หนึ่งที่น่าไปศึกษา และยังเป็นหน้าตาเชิดชูของจังหวัดอุดรธานี โดยอุทยานภูพระบาทเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และโบราณวัตถุ อารยวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ ก็อยากเชิญชวนมาเที่ยวแหล่งมรดกโลกใหม่ของจังหวัดอุดรธานี ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ที่ควรมาศึกษาถึงความเป็นมา ประวัติศาสตร์ของอุทยานภูพระบาทแห่งนี้

ขณะเดียวกัน ที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นายจรูญ บุหิรัญ นายอำเภอบ้านผือ นางเทียบจุฑา ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ไปร่วมกิจกรรมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวไทยพวน ในการติดตามการถ่ายทอดสัญญาณการประชุมใหญ่สามัญคณะกรรมการมรดกโลก อยู่ภายในห้องประชุมของอุทยาน หลังจากได้รับข่าวดีได้ถ่ายภาพร่วมกัน และเดินทางขึ้นไปยัง “หอนางอุษา” ลานวัฒนธรรมสีมา แลนด์มาร์กเด่นของภูพระบาท เพื่อแสดงออกถึงความยินดี  


โดยอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทแจ้งว่า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ อธิบดีกรมศิลปากร อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าเข้าชม และค่าบริการอื่น สำหรับโบราณสถาน ที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2551 จึงเปิดให้บริการ และงดเก็บค่าเข้าชม อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-12 สิงหาคม 2567

ก.ตร. ยินดี "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องหมิ่นประมาท พร้อมชี้มติ "บิ๊กต่าย" ทำถูกต้อง

"วินัย ทองสอง" ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ย้ำยินดี "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องหมิ่นประมาท นำหลักฐานชี้แจงต่อศาลและสาธารณชนปกป้องสิทธิ รับผลการประชุมอนุญาต ก.ตร. มีมติว่า "บิ๊กต่าย" ทำถูกต้อง


เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. กล่าวภายหลังทราบข่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้องตนเองข้อหาหมิ่นประมาทฯ จากกรณีให้สัมภาษณ์ยืนยันข้อเท็จจริงให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเว็บพนันออนไลน์ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ยินดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะฟ้องร้องตนเอง เพราะจะได้นำพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีออกมาเปิดเผยกับศาลและสาธารณชน ซึ่งเรื่องนี้มองว่าเป็นสิทธิที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำได้ หลังจากนี้หากการฟ้องร้องไปถึงในชั้นศาล จะนำพยานหลักฐานที่มีไปชี้แจงเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของตนเองเช่นกันว่าตนเองรู้ข้อมูลพยานหลักฐาน หรือการกระทำใดๆ บ้าง 

       

ถามถึงกระแสข่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการ ก.ตร. มีคะแนนเอกฉันท์ 10 ต่อ 0 ว่า กรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ขณะที่เป็น รรท.ผบ.ตร. เซ็นหนังสือคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการ ถูกต้องตามระเบียบตาม พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า มีการประชุมเรื่องดังกล่าวจริงเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. โดยตนเป็นประธานการประชุมอนุฯ ก.ตร. จากการพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ รวมถึงกฎหมายลูกอื่นๆ คณะอนุกรรมการลงความเห็นในครั้งแรกออกมาเป็นเอกฉันท์ว่า การเซ็นหนังสือคำสั่งดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบต่างๆ แต่มีการลงมติในรอบที่ 2 เนื่องจากมีผู้มาเข้าประชุมเพิ่ม 1 คน ทำให้การลงมติเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย ส่วนใหญ่ลงมติความเห็นตามเดิม แต่มีอนุกรรมการ 1 คนงดออกเสียง ผลการลงมติดังกล่าวจะนำส่งต่อไปให้นายกรัฐมนตรีและที่ประชุมคณะ ก.ตร. ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 26 มิ.ย. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมติความเห็นของอนุกรรมการจะถูกนำไปประกอบกับความเห็นของคณะกฤษฎีกา และความเห็นของผู้ร่วมเข้าประชุมคนอื่นๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผลชี้ขาดในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตนเองไม่สามารถก้าวล่วงได้

ชีวิตคนสำคัญเสมอ ชื่นชม "เจ้าหน้าที่สาว" รพ.กระบี่ จอดรถช่วยเด็กนอนเจ็บข้างทาง

โซเชียลแห่ชื่นชม "เจ้าหน้าที่สาว" รพ.กระบี่ เจอคนเจ็บไม่ปล่อยผ่าน จอดรถลงไปช่วยปฐมพยาบาล "เด็กหญิง" หลังประสบอุบัติเหตุนอนเจ็บข้างทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ อส.ตร.ประจำ สภ.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ได้ถ่ายคลิปนาทีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ อ.เมืองกระบี่ กำลังช่วยเหลือปฐมพยาบาลเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ริมถนนกระบี่-เขาทอง บริเวณโค้งช้างสี ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ ก่อนจะนำตัวเด็กผู้ประสบเหตุส่งรักษาต่อที่ รพ.กระบี่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา

แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจและได้รับเสียงชื่นชมจากชาวบ้าน และผู้คนในสังคมโซเชียล จ.กระบี่ คือภาพของหญิงสาวที่สวมชุดสาธารณสุขคนหนึ่งจอดรถลงมาช่วยปฐมพยาบาลให้หนูน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่รถของกู้ภัยฯ จะมาถึงที่เกิดเหตุ โดยภาพของเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าวถูกนำไปโพสต์ในสังคมโซเชียล และได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนที่เข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ทั้งชื่นชมว่าเธอเป็นคนสวยและยังมีน้ำใจ หลายคนยกย่องในความเสียสละแม้จะไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง แต่ยังไม่ผ่านไปเฉยๆ แต่ลงมาช่วยเหลือคนเจ็บทันทีที่ประสบเหตุต่อมา ผู้สื่อข่าวตรวจสอบจนทราบว่า เจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าวชื่อ น.ส.รัตมณี สายนุ้ย เป็นเจ้าพนักงานธุรการประจำห้องทันตกรรม รพ.กระบี่ เผยว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่เธอเลิกงานกำลังขับรถกลับบ้าน จนผ่านไปเจอเหตุเข้าพอดี เห็นน้องผู้หญิงนอนเจ็บอยู่ข้างทาง จึงรีบจอดรถลงไปช่วยเหลือทันที

ซึ่งในรถของตนจะมีกระเป๋ายาสำหรับปฐมพยาบาลติดอยู่ตลอด เพราะก่อนจะมาทำงานใน รพ. ตนเคยเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมาก่อนด้วย จึงลงไปทำด้วยสัญชาตญาณ หลังเห็นโพสต์และมีคนมาชื่นชมกันตนก็ตกใจ แต่ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจ และขอให้ทุกคนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายด้วยที่ทุ่มเททำงานให้สังคม ไม่ใช่เฉพาะเหตุนี้เท่านั้น.

คุณวราภรณ์ เขมะสัจจกุลพร้อมคุณวงเดือนและครอบครัวเขมะสัจจกุลและครอบครัวเครือพิมาย ทำบุญตักบาตร ณ.วัดเวฬุวันบ้านตะไก้(บ้านนาศรีนวล)

คุณวราภรณ์ เขมะสัจจกุลพร้อมคุณวงเดือนและครอบครัวเขมะสัจจกุลและครอบครัวเครือพิมาย ทำบุญตักบาตร ณ.วัดเวฬุวันบ้านตะไก้(บ้านนาศรีนวล)ตำบลบุโพธิ์อำเภอลำปลายมาศจังหวัดบุรีรัมย์ เช้าวันนี้เพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงปีใหม่2565

ทำบุญตักบาตรที่วัดเวฬุวันบ้านตะไก้

คุณวราภรณ์ เขมะสัจจกุลพร้อมคุณวงเดือนและครอบครัวเขมะสัจจกุลและครอบครัวเครือพิมาย ทำบุญตักบาตร ณ.วัดเวฬุวันบ้านตะไก้(บ้านนาศรีนวล)
X